หมวดหมู่: แกลลอน

  • แกลลอน 5 ลิตร

    แกลลอน 5 ลิตร

    แกลลอน 5 ลิตร สามารถใช้ทำอะไรได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของแต่ละคน ตัวอย่างการใช้งานต่างๆ ได้แก่:

    1. เก็บน้ำ – ใช้เก็บน้ำดื่มหรือน้ำใช้ทั่วไปในบ้าน ถ้าต้องการเก็บน้ำสำรองหรือใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการน้ำเป็นพิเศษ
    2. เก็บน้ำมัน – ถ้าทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมัน เช่น ใช้ในรถจักรยานยนต์หรือเครื่องตัดหญ้า
    3. เก็บสารเคมีหรือของเหลว – ใช้ในการเก็บของเหลวบางประเภท เช่น สารทำความสะอาด น้ำยาทำความสะอาด หรือสารเคมีในห้องทดลอง
    4. เก็บน้ำผักผลไม้ – ในการเก็บน้ำผลไม้สด น้ำสมุนไพร หรือน้ำหวานเพื่อการขายหรือนำไปใช้
    5. กิจกรรมในสวน – ใช้สำหรับการรดน้ำต้นไม้ในสวน เพราะขนาดเหมาะกับการพกพาและใช้ในการดูแลต้นไม้

    แกลลอนขนาด 5 ลิตรถือว่าเหมาะสมสำหรับการเก็บและขนส่งของเหลวในปริมาณที่ไม่ใหญ่จนเกินไปและพกพาสะดวก

    การเลือกใช้แกลลอนพลาสติกนั้นมีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อให้ได้สินค้าที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับการใช้งานของคุณ โดยสามารถแยกประเด็นที่ต้องคำนึงถึงออกเป็นหลายข้อได้ดังนี้:

    1. วัสดุพลาสติก (Plastic Material)

    • PE (Polyethylene): แกลลอนพลาสติกที่ทำจาก PE มีความทนทานและยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้เก็บของเหลวที่ไม่เป็นกรดหรือด่าง เช่น น้ำดื่ม น้ำมัน หรือสารเคมีทั่วไป
    • PET (Polyethylene Terephthalate): ใช้ในแกลลอนที่ต้องการความโปร่งใส เช่น ขวดน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มบางประเภท มีความทนทานต่อแรงกดดันและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดี
    • PP (Polypropylene): เหมาะสำหรับแกลลอนที่ต้องการความทนทานและสามารถทนอุณหภูมิสูงได้ดี ใช้ในการเก็บของที่มีอุณหภูมิสูงหรือสารเคมีที่ไม่เป็นกรด

    2. ขนาด (Size)

    • ขนาดของแกลลอนพลาสติกจะขึ้นอยู่กับประเภทของของเหลวที่ต้องการเก็บและการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการเก็บน้ำดื่มอาจเลือกขนาด 5 ลิตร หรือ 10 ลิตร แต่ถ้าต้องการเก็บสารเคมีอาจต้องเลือกขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณที่ใช้งาน

    3. ประเภทของฝาปิด (Cap Type)

    • แกลลอนพลาสติกควรมีฝาปิดที่สามารถป้องกันการรั่วไหลได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้เก็บของเหลวที่มีความสำคัญ เช่น น้ำมัน หรือสารเคมี
    • เลือกแกลลอนที่มีฝาเกลียวหรือฝาประเภทล็อคเพื่อป้องกันการรั่วไหล

    4. ความแข็งแรงและความทนทาน (Strength and Durability)

    • เลือกแกลลอนที่มีความแข็งแรงเพียงพอและทนต่อแรงกระแทกได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่อาจมีการตกหล่นหรือการขนส่งที่มีความเสี่ยง

    5. การรีไซเคิลและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Recyclability and Eco-friendliness)

    • คำนึงถึงการเลือกใช้พลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ง่าย หรือเลือกแกลลอนพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลาสติกที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐานต่างๆ ในการผลิตที่ยั่งยืน

    6. การใช้งานเฉพาะ (Special Use)

    • หากใช้แกลลอนพลาสติกในงานเฉพาะ เช่น เก็บสารเคมีหรือวัสดุที่มีความเป็นกรด/ด่าง ควรเลือกแกลลอนที่มีความทนทานต่อสารเคมีหรือสามารถป้องกันการกัดกร่อน

    7. ราคาและคุณภาพ (Price and Quality)

    • ควรเลือกแกลลอนพลาสติกที่มีความคุ้มค่าในด้านราคาและคุณภาพ โดยหากเป็นการใช้งานที่ต้องการความทนทานสูง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน

    การเลือกใช้แกลลอนพลาสติกที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถเก็บรักษาของเหลวหรือสารเคมีได้อย่างปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาวครับ

  • การเลือกใช้แกลลอน พลาสติก

    การเลือกใช้แกลลอน พลาสติก

    การเลือกใช้แกลลอนพลาสติกนั้นมีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อให้ได้สินค้าที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับการใช้งานของคุณ โดยสามารถแยกประเด็นที่ต้องคำนึงถึงออกเป็นหลายข้อได้ดังนี้:

    1. วัสดุพลาสติก (Plastic Material)

    • PE (Polyethylene): แกลลอนพลาสติกที่ทำจาก PE มีความทนทานและยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับใช้เก็บของเหลวที่ไม่เป็นกรดหรือด่าง เช่น น้ำดื่ม น้ำมัน หรือสารเคมีทั่วไป
    • PET (Polyethylene Terephthalate): ใช้ในแกลลอนที่ต้องการความโปร่งใส เช่น ขวดน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มบางประเภท มีความทนทานต่อแรงกดดันและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดี
    • PP (Polypropylene): เหมาะสำหรับแกลลอนที่ต้องการความทนทานและสามารถทนอุณหภูมิสูงได้ดี ใช้ในการเก็บของที่มีอุณหภูมิสูงหรือสารเคมีที่ไม่เป็นกรด

    2. ขนาด (Size)

    • ขนาดของแกลลอนพลาสติกจะขึ้นอยู่กับประเภทของของเหลวที่ต้องการเก็บและการใช้งาน เช่น ถ้าต้องการเก็บน้ำดื่มอาจเลือกขนาด 5 ลิตร หรือ 10 ลิตร แต่ถ้าต้องการเก็บสารเคมีอาจต้องเลือกขนาดที่เหมาะสมกับปริมาณที่ใช้งาน

    3. ประเภทของฝาปิด (Cap Type)

    • แกลลอนพลาสติกควรมีฝาปิดที่สามารถป้องกันการรั่วไหลได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้เก็บของเหลวที่มีความสำคัญ เช่น น้ำมัน หรือสารเคมี
    • เลือกแกลลอนที่มีฝาเกลียวหรือฝาประเภทล็อคเพื่อป้องกันการรั่วไหล

    4. ความแข็งแรงและความทนทาน (Strength and Durability)

    • เลือกแกลลอนที่มีความแข็งแรงเพียงพอและทนต่อแรงกระแทกได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่อาจมีการตกหล่นหรือการขนส่งที่มีความเสี่ยง

    5. การรีไซเคิลและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Recyclability and Eco-friendliness)

    • คำนึงถึงการเลือกใช้พลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ง่าย หรือเลือกแกลลอนพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลาสติกที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐานต่างๆ ในการผลิตที่ยั่งยืน

    6. การใช้งานเฉพาะ (Special Use)

    • หากใช้แกลลอนพลาสติกในงานเฉพาะ เช่น เก็บสารเคมีหรือวัสดุที่มีความเป็นกรด/ด่าง ควรเลือกแกลลอนที่มีความทนทานต่อสารเคมีหรือสามารถป้องกันการกัดกร่อน

    7. ราคาและคุณภาพ (Price and Quality)

    • ควรเลือกแกลลอนพลาสติกที่มีความคุ้มค่าในด้านราคาและคุณภาพ โดยหากเป็นการใช้งานที่ต้องการความทนทานสูง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน

    การเลือกใช้แกลลอนพลาสติกที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถเก็บรักษาของเหลวหรือสารเคมีได้อย่างปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาวครับ

  • ถังเก็บสารเคมีคืออะไร เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน

    ถังเก็บสารเคมีคืออะไร เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน

    ถังเก็บสารเคมี คือ บรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุสารเคมีต่าง ๆ เพื่อป้องกันการรั่วไหลและปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำถังสารเคมีมีหลากหลายประเภทและหลายขนาด ขึ้นอยู่กับประเภทของสารเคมีและการใช้งาน

    สำหรับการออกแบบถังเก็บสารเคมีมักจะยึดตามมาตรฐาน API 650 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ระบุข้อกำหนดขั้นต่ำในการออกแบบสารเคมี เพื่อที่จะเก็บรักษาสารเคมีได้อย่างปลอดภัย ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของคนและสิ่งแวดล้อม โดยสารเคมีแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติการกัดกร่อน ความไวไฟ และความเป็นพิษที่แตกต่างกันออกไป ผู้ใช้งานจึงต้องเลือกถังเก็บสารเคมีตามความเหมาะสม เราสามารถแบ่งประเภทของถังเก็บสารเคมีออกเป็น 2 ประเภท คือ

    • ถังเก็บสารเคมีอันตราย มักใช้เก็บสารเคมีที่ไวไฟ เป็นพิษ เป็นกรดหรือด่าง 
    • ถังเก็บสารเคมีทั่วไป มักใช้เก็บน้ำ น้ำมัน แก๊ส 

     ขนาดของถังเคมีจะมีขนาดที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ขนาดเล็ก (1-10 ลิตร) ขนาดกลาง (10-100 ลิตร) และขนาดใหญ่ (100-1,000 ลิตร) ซึ่งหากเป็นการเก็บสารเคมีขนาดใหญ่ จะต้องทำตามคู่มือมาตรฐานความปลอดภัยการจัดเก็บสารเคมีอันตราย ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อความปลอดภัย
     

    ลักษณะของถังเก็บสารเคมี

    ลักษณะของถังเก็บสารเคมีโดยทั่วไปจะต้องมีการออกแบบและผลิตให้มีความปลอดภัยและทนทาน ไม่เปลี่ยนสภาพ ไม่ผุกร่อนได้ง่าย ๆ มีความมั่นคงแข็งแรง ไม่ก่อให้เกิดการรั่วไหลของสารเคมี โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งวัสดุที่ใช้ในการผลิตถังเก็บสารเคมีได้ 4 ประเภทหลัก ๆ คือ 

    1. ถังพลาสติก เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีน้ำหนักเบา ราคาถูก สามารถทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีได้หลายชนิด อายุการใช้งานยาวนาน โดยนิยมใช้เม็ดพลาสติก HDPE, LDPE, XLPE มาผลิตถังเก็บสารเคมี 
    2. ถังโลหะ โดยมากจะผลิตจากสเตนเลส เป็นถังที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและแรงกระแทกมากกว่า แต่อาจจะไม่เหมาะกับสารเคมีบางชนิดที่กัดกร่อนโลหะได้  และมีน้ำหนักที่หนักกว่าถังพลาสติก และถังไฟเบอร์กลาส
    3. ถังไฟเบอร์กลาส ทนต่อการกัดกร่อนและความร้อนได้ดี ไม่เป็นสนิม แข็งแรงทนทาน เบากว่าถังโลหะและคอนกรีต 
    4. ถังคอนกรีต เป็นถังเก็บสารเคมีที่ได้รับความนิยมน้อยลงในปัจจุบัน โดยมากมักจะมีการบุด้วยวัสดุอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อป้องกันการรั่วไหลของสารเคมี 

    อย่างไรก็ตาม การเลือกถังเก็บสารเคมีให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควรจะพิจารณาสารเคมีที่บรรจุเป็นสำคัญ เพื่อเลือกลักษณะของถังเก็บสารเคมีที่ตอบโจทย์การใช้งาน

    การเลือกถังเก็บสารเคมีให้ปลอดภัย

    • เลือกถังเก็บสารเคมีที่ทนทานต่อสารเคมีอันตราย ไม่กัดกร่อน หรือเป็นพิษ โดยให้เราพิจารณาจากสารเคมีที่ใส่เป็นสำคัญ
    • เลือกถังที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อความแข็งแรง ทนทาน ไม่รั่วไหลได้ง่าย 
    • สามารถติดตั้งได้ปลอดภัย สำหรับถังเก็บสารเคมีบางประเภทจะต้องคำนึงถึงการติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบป้องกันฟ้าผ่า และอุปกรณ์ควบคุมการทำงานและความปลอดภัย
    ขนาดบรรจุของถังเกรดผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกที่แนะนำ
    20-100 ลิตรInnoPlus HD7200B
    น้อยกว่าหรือเท่ากับ 200 ลิตรInnoPlus HD8200B และ HD9100B
    มากกว่า 200 ลิตรInnoPlus HD7200B / HD7800B และ HD8200B
    ไม่เกิน 1,000 ลิตร โดยเฉพาะ ถัง IBC หรือ Intermediate Bulk ContainerInnoPlus HD7808B